เรื่อง: ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจต่อการนำเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จากสหรัฐอเมริกา
|
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
มิติเศรษฐกิจ/Economics
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, นาย ปราโมทย ตาฬวัฒน์
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2560
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
สาธารณะ
|
|
บทคัดย่อ:
ก
บทคัดย่อ
เรื่อง : ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจต่อการน าเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จาก
สหรัฐอเมริกา
ลักษณะวิชา : การเศรษฐกิจ
ผู้วิจัย: นายสัตวแพทย์ปราโมทย์ ตาฬวัฒน์ หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ ๖๐
ต าแหน่ง : รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จ ากัด
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ
๑. ศึกษานโยบายของรัฐบาลและข้อมูลพื้นฐานอุตสาหกรรมการผลิตสุกรของไทย
รวมทั้งวิเคราะห์สภาพปัญหาและอุปสรรคของการเลี้ยงและจ าหน่ายสุกรไทย
๒. ศึกษาผลกระทบจากการน าเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จากสหรัฐอเมริกา
๓. เสนอแนะแนวทางการลดผลกระทบต่อการน าเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จาก
สหรัฐอเมริกา
การด าเนินการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ตั้งแต่การศึกษาเอกสารข้อมูลพื้นฐาน
ทางด้านการผลิต การตลาด และการจัดจ าหน่ายเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ของไทย เทียบกับสหรัฐฯ
รวมทั้งข้อมูล กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ได้แนวทาง
ในการก าหนดนโยบายการอนุญาตน าเข้าเนื้อสุกร และผลิตภัณฑ์สุกรจากสหรัฐอเมริกาเข้ามายัง
ประเทศไทยอย่างรอบคอบ
ผลการวิจัยพบว่า หากประเทศไทยมีการน าเข้าเนื้อสุกร และผลิตภัณฑ์เข้ามาจริง จะมี
ทั้งผลกระทบด้านบวก และด้านลบ โดยผลกระทบด้านบวก ได้แก่ ผู้บริโภคอาจมีทางเลือกในการ
ซื้อเนื้อหมู และผลิตภัณฑ์ในราคาถูกมากยิ่งขึ้น และสหรัฐฯ จะยังคงพิจารณาการให้สิทธิพิเศษทาง
ภาษีศุลกากร (จีเอสพี) กับสินค้าไทย หากไทยเปิดตลาดเนื้อหมูให้กับสหรัฐฯ ส่วนผลกระทบด้าน
ลบ ผู้เลี้ยงสุกรไทยอาจจะล่มสลายเนื่องจากแข่งขันด้านราคากับเนื้อสุกรน าเข้าจากสหรัฐฯ ไม่ได้
(ต้นทุนผลิตสุกรสหรัฐฯ กก.ละ ๓๕.-บาท, ประเทศไทย ๔๘-๖๐.-บาท)และเมื่ออุตสาหกรรมการ
ผลิตสุกรไทยล่มสลาย จะกระทบต่อไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ๒ แสนครัวเรือน และเกษตรกร
ผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์ ๖.๗ ล้านครัวเรือน มูลค่าอุตสาหกรรมรวม ๑.๗ แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
๑๔ ของจีดีพีในภาคเกษตรไทย รวมถึงมีผลกระทบไปยังด้านความปลอดภัยทางอาหารคนไทย
ที่ต้องบริโภคเนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง มีความเสี่ยงต่อระบบสุขภาพของผู้บริโภค และสุดท้ายเมื่อข
คนไทยต้องเลิกเลี้ยงสุกรไป ไทยจะต้องพึ่งพาการน าเข้าอาหารจากต่างประเทศมาก ซึ่งจะส่งผล
กระทบถึงความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศไทยตามมา
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย รัฐบาลควรมีนโยบายปกป้องอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของ
ประเทศไทย และปกป้องผู้บริโภคชาวไทย ด้านความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร และควร
สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไทย ด้วยการไม่น าเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จากสหรัฐฯ
ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติผู้เลี้ยงสุกรของประเทศไทย จะต้องเพิ่มศักยภาพการผลิตและ
ลดต้นทุนการผลิตให้มากที่สุดเพื่อสามารถแข่งขันด้านราคาได้ ขณะเดียวกันภาครัฐควรยกเลิก
นโยบายกระทรวงพาณิชย์ ที่ก าหนดมาตรการให้โรงงานอาหารสัตว์ จะน าเข้าข้าวสาลี ๑ ส่วนได้
ก็ต่อเมื่อรับซื้อผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ๓ ส่วน เนื่องจากปัจจุบันข้าวโพดในประเทศ
มีไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ อีกทั้งนโยบายนี้ท าให้ราคาข้าวโพดอาหารสัตว์ในประเทศสูงขึ้น
เป็นการซ้ าเติมภาคปศุสัตว์ และผลประโยชน์ไปตกอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางที่รวบรวมข้าวโพด
มากกว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจะได้รับ และหากรัฐบาลไทย จ าเป็นต้องมีการเปิดตลาดเนื้อสุกร
และผลิตภัณฑ์ให้กับสหรัฐฯ ประเทศไทยควรเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่น าเข้ามา
ทุกครั้ง เพื่อให้ปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดง อีกทั้งหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ควรจะเผยแพร่
ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของการบริโภคสารเร่งเนื้อแดงให้ประชาชนได้รับรู้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง
ท าให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กระวนกระวาย เป็นอันตรายต่อหญิงมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดัน
โลหิตสูง เบาหวานฯลฯ โดยท าคลิปสั้นๆ เพื่อให้ความรู้แก่คนไทย ให้สามารถเลือกซื้อเนื้อหมู
ที่ปลอดสารเร่งเนื้อแดงได้อย่างถูกต้อง จากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ หรือซื้อจากร้านค้าที่มีป้ายรับรอง
จากหน่วยงานราชการ เช่น ป้าย Food Safety หรือตรารับรองปศุสัตว์ OK ของกรมปศุสัตว์
รัฐบาลควรค านึงถึงผลประโยชน์ของคนไทย โดยไม่น าภาคเกษตรไป Trade กับ
ภาคอุตสาหกรรม ถึงแม้เม็ดเงินในภาคเกษตรจะไม่มาก แต่จะส่งผลกระทบกับคนกลุ่มใหญ่ และ
ในที่สุดจะมีผลกระทบกับความมั่นคงของชาติได้ จึงควรดูแลให้เกษตรกรประกอบอาชีพนี้ได้ต่อไป
เพื่อความมั่นคงของชาติ ความมั่นคงทางอาหาร และความสันติสุขของคนในชาติ
abstract:
ABSTRACT
Title : Impact on the import of pork and pork products from the United State
Field : Economics
Name : Dr. Pramote Taetawat Course : NDC. Class : 60
The objective of this research :
1. To study the basics of government policies and industrial swine production in
Thailand including analysis of the problems and barriers of raising and selling swines Thailand.
2. To study on the impact of imported swines and products from United State.
3. To guidelines for reducing the impact on the import of swine products from the
United States.
This research is a qualitative research. We had collecting the basic information on
production, marketing and distribution of pork and also Thai products compared to the United
States, as well as information about related laws and regulations, especially, the interviews were
conducted in order to obtain the guidelines for determining the import license for swine from the
United State to Thailand carefully.
The research found that if Thailand imports swine and swine products, there are both
positive and negative impacts. The positive side effects are that consumers may have more option
of buying cheaper pork products and the United State will continue to consider granting
preferential tariffs (GSP) to Thai products if Thailand opens the swine market with United State.
However, the negative side effect are Thai pig raisers may collapse due to price competition with
imported pork from the United States (Costs of US swine producers at 35 baht per kg. comparing
to the cost of swine in Thailand is around 48-60 baht per kg.). When the Thai pig industry
collapses, it will affect the livestock farmers of two hundred thousand households and growers
and feed farmer of 6.7 million households. The total value of the industry is 1.7 trillion baht, for
14 percent of GDP in Thai agriculture. It also has an impact on the food safety of Thai people
who consume pork meat that using red meat accelerator (Beta-agonists) which will cause risks to
the health of the consumer. Lastly, when the Thai farmers have to stop raising swine it means that 2
Thailand will have to rely on importing food from abroad which will affect the stability of the
food in Thailand.
For the policy recommendations, the Thai government should have the policy to
protect the swine industry and protect the Thai consumers on food safety. Then, the Thai
government should create a sustainable food security for Thailand by not importing pork products
from the United States.
For the practical suggestions, swine farmer must increase production capacity and
reduce production costs as much as possible to be compete in terms of price. At the same time,
the government should abolish the policy of the Ministry of Commerce which measures the feed
mill that can import one part of wheat when buying corn in the country in 3 parts because corn is
a disproportionate demand within the country. In addition, this policy has led to higher prices for
corn in the country which affect the livestock sector. And the benefits fell into the hands of
middlemen that gather corn more than corn growers. And if the Thai government need to open the
market for swine and swine products with the United States. Thailand should strictly monitor the
quality of imported goods at all times for protecting Thai people from red meat accelerator. In
addition, Thai government agencies involved should publish information about the dangers of
consumption of red meat accelerated to the public that causes carcinogen, heart rhythm disorders,
danger to pregnant women, heart disease, high blood pressure, diabetes etc. This can be done by
making a short clip to educate Thai people about how to buy pork without accelerating the red
meat accurately from reliable sources or purchased from a store with a government badge, such as
the Food Safety label or the OK Livestock Identification badge of the Department of Livestock.
