เรื่อง: การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์สำหรับหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)
|
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
มิติการทูต/Diplomacy
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, พลอากาศตรี ณรงค์ อินทชาติ
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2560
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
สาธารณะ
|
|
บทคัดย่อ:
ก
บทคัดย่อ
เรื่อง การพัฒนาภาวะผู้น าระดับยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปีของ
รัฐบาล
ลักษณะวิชา ยุทธศาสตร์
ผู้วิจัย พล.อ.ต.ณรงค์ อินทชาติ หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ ๖๐
การศึกษาเรื่อง การพัฒนาภาวะผู้น าระดับยุทธศาสตร์ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะ
๒๐ ปีของรัฐบาล เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้น าระดับยุทธศาสตร์และเพื่อ
ก าหนดแนวทางการพัฒนาภาวะผู้น าระดับยุทธศาสตร์ของผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน
ยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล ผู้ให้ข้อมูลส าคัคคือ ผู้บริหารหน่วยงานจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและ
รัฐวิสาหกิจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดท าและการน ายุทธศาสตร์ชาติไปปฏิบัติจ านวน ๑๔ คน เครื่องมือ
ในการวิจัยคือแนวค าสัมภาษณ์ เก็บรวมรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยการ
จ าแนกชนิดข้อมูล การวิเคราะห์เปรียบเทียบเหตุการณ์ การวิเคราะห์ส่วนประกอบ และ การวิเคราะห์
สรุปอุปนัย ผลการวิจัยพบว่าผู้น าระดับยุทธศาสตร์ควรมีบทบาทของภาวะผู้น า มีความรู้ความสามารถ
ความเข้าใจบริบทของประเทศไทยและยุทธศาสตร์ชาติ มีความเชี่ยวชาคและความช านาค และมี
ความสามารถในการบริหารจัดการ ผู้น าระดับยุทธศาสตร์ควรมีความรู้เกี่ยวกับบริบทของประเทศไทย
ภาระงานที่รับผิดชอบและยุทธศาสตร์ชาติโดยมีหลักการ วิธีการ แนวทางการปฏิบัติงาน คือ การประเมิน
สภาวะแวดล้อมก่อนที่จะมีการก าหนดยุทธศาสตร์ ก าหนดทิศทางและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อให้การน าไป
ยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติมีประสิทธิภาพ มีการส่งเสริมและเปิดโอกาสมีส่วนร่วมในการก าหนดยุทธศาสตร์/
วิสัยทัศน์ และยึดกฎ ระเบียบ กฎหมาย ส าหรับแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้น าระดับยุทธศาสตร์ ผู้ให้
ข้อมูลส าคัคมีความคิดเห็นแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มที่ ๑ ไม่ได้ระบุแนวทางที่จะพัฒนาเนื่องจากผู้ที่เป็น
ผู้น าระดับยุทธศาสตร์นั้นถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความพร้อมและเต็มใจที่จะรับ
ภาระหน้าที่ดังกล่าว ดังนั้นจึงควรให้ความส าคัคกับการดูแล สนับสนุนให้ผู้น าสามารถท างานได้อย่าง
ราบรื่น มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ส าหรับกลุ่มทื่ ๒ ระบุว่าควรมีหลักสูตรที่ได้รับการพัฒนาตาม
หลักวิชาการอย่างเป็นระบบ และมีการประเมินหลักสูตรเพื่อน ามาใช้ในการปรับปรุงให้เหมาะสม เนื้อหา
ควรมีเรื่อง วิธีคิดระดับยุทธศาสตร์ มีหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับโยบายของรัฐบาลและ
กรณีศึกษาของหลักสูตรในต่างประเทศเพื่อน ามาปรับใช้กับบริบทของประเทศไทย โดยควรมีทั้งการ
บรรยายและการปฏิบัติ
abstract:
ABSTRACT
TitleThe Strategic Leader Development for Driving Thailand’s 20-Year National Strategy.
Field Strategy
Name AVM. Narong Intachat Course NDC Class 60
The Strategic Leader Development for Driving Thailand’s 20-Year National
Strategy was a Qualitative Research. The purposes of this study were to study the
strategic leadership and to determine the strategic leadership development of the
executives who involved in driving the national strategy. The key informants were the
Administrators of the government, private and state enterprises organization who
involved in driving and implemented National Strategy. The Research tool was an
interview guideline form. The collecting method was in-depth interview. The Data
Analysis were Typological Analysis, Constant Comparison, Component Analysis and
Analytic Induction. The results found that the strategic leaders should take role of being
“the leadership, polymath and deeply understanding in Thailand context, being the
expertise and professionalism, show management capability. The knowledge that
strategic leaders should performed was the understanding in Thailand context, mission
responsibility and National strategy. Furthermore, the Principles Performance were the
environmental assessment before the Strategic Formulation, Guideline of the Strategic
direction and effective of Strategic Implementation, Concerning in Legislation, Rule and
Law, Promoting and Supporting for Participation in Strategic Process and Vision. For the
Method to Develop the Strategic Leader, Key Informants made an Opinion into 2 Groups.
First, this group did not specify a way of development, because those who come up as
strategic leaders were accepted to be an excellent persons who were ready and willing
to perform. So that, it should focus on taking care. Second, this group’s opinion was that
Strategic leadership development should include formal programs, which academic and
systematic development, a continuing program assessment for further improvement. The
course should be emphasized in strategic thinking, Principles, Concepts and Theory,
which related to the Government Policy. The Best Practice and Case Study of other
Countries for Beneficial Applying to Thailand Context. The Course should imply both of
Classroom training and field Practice.
