เรื่อง: การพัฒนาระบบกำลังพลสำรองของกองทัพเรือเพื่อสนับสนุนแผนป้องกันประเทศของกองทัพเรือ
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
มิติการทหาร/Military
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, พลเรือตรี วุฒิพรรษ ภูมิสวัสดิ์
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2559
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
สาธารณะ
|
|
บทคัดย่อ:
ก
บทคัดย่อ
เรื่อง การพัฒนาระบบก าลังพลส ารองของกองทัพเรือเพื่อสนับสนุนแผนป้องกันประเทศ
ของกองทัพเรือ
ลักษณะวิชา การทหาร
ผู้วิจัย พลเรือตรี วุฒิพรรษ ภูมิสวัสดิ์ หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ ๕๙
การพัฒนาระบบก าลังพลส ารองของกองทัพเรือเพื่อสนับสนุนแผนป้องกันประเทศฉบับนี้ มี
วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษา วิเคราะห์ระบบก าลังพลส ารองของกองทัพเรือ รวมทั้งปัญหา อุปสรรค
และข้อขัดข้อง เพื่อศึกษาแนวทางความคิด ทฤษฎี หลักการและเหตุผลของระบบก าลังพลส ารองของเหล่า
ทัพอื่นและกองทัพต่างประเทศ และเพื่อศึกษาแนวความคิดที่เป็นไปได้ในการน าเสนอแนวทางการพัฒนา
ระบบก าลังพลส ารองของกองทัพเรือเพื่อสนับสนุนแผนป้องกันประเทศ รวมทั้งเพื่อหารูปแบบของระบบก าลัง
พลส ารองที่เหมาะสมส าหรับกองทัพเรือในอนาคต เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหรือหลีกเลี่ยงการเรียกพล
ของก าลังส ารองและปัญหากองทัพที่ยังไม่สามารถจะเรียกก าลังพลส ารองให้มาช่วยเหลือในการปฏิบัติราชการใน
ภาวะปกติหรือให้การสนับสนุนก าลังพลประจ าการในการต่อต้านภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในบางภารกิจได้ อันจะ
ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการด าเนินการตามแผนป้องกันประเทศซึ่งก าหนดให้เหล่าทัพจะต้องสามารถเรียกพลเพื่อ
เสริมก าลังให้แก่หน่วยประจ าการได้ภายใน ๗๒ ชั่วโมง เมื่อมีค าสั่งหรือหมายเรียก ผู้วิจัยได้ด าเนินการเชิง
พรรณนา ศึกษาและวิเคราะห์ โดยได้ศึกษาระบบก าลังพลส ารองของกองทัพเรือที่ใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งมี
รูปแบบใช้กฎหมายบังคับ รวมทั้งวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น และแนวโน้มการใช้ก าลังพลส ารองของกองท าเรือ
ในอนาคตและน ามาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับหลักการระบบก าลังส ารองและระบบก าลังพลส ารองของ
กองทัพของประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพและประสบความส าเร็จ
ผลการวิจัยพบว่าระบบก าลังพลส ารองของทุกประเทศที่มีประสิทธิภาพและประสบความส าเร็จนั้น มี
๒ รูปแบบ คือ รูปแบบอาสาสมัคร และรูปแบบการใช้กฎหมายบังคับ โดยระบบก าลังส ารองแต่ละรูปแบบจะมีความ
เหมาะสมส าหรับแต่ละประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะต้องค านึงถึงปัจจัยที่ส าคัญตามหลักการของระบบก าลังส ารอง
คือ ภัยคุกคามของชาติ และจ านวนก าลังพลส ารองของประเทศ โดยรูปแบบระบบก าลังส ารองของทุกประเทศ
ที่ประสบความส าเร็จข้างต้น จะมีความสอดคล้องกับปัจจัยที่ส าคัญดังกล่าวข้างต้น กล่าวคือ ประเทศที่ใช้รูปแบบ
การใช้กฎหมายบังคับแล้วประสบความส าเร็จเช่น ประเทศอิสราเอล หรือสิงคโปร์ นั้น เนื่องจากเป็นประเทศที่
มีพลเมืองหรือก าลังพลส ารองไม่มากนัก แต่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามและต้องการก าลังทหารในการป้องกันประเทศ
เป็นจ านวนมาก จึงเกื้อกูลต่อการปลูกจิตส านึกของคนให้มีความรักชาติและเต็มใจที่จะเข้ามาเป็นก าลังพล
ส ารองของกองทัพซึ่งเป็นไปตามหลักการของระบบก าลังส ารอง ในขณะที่ประเทศไทยซึ่งสถานการณ์ใน
ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตไม่ปรากฏภัยคุกคามด้วยการใช้ก าลังทหารขนาดใหญ่จากภายนอกประเทศที่
ชัดเจน จึงไม่เกื้อกูลต่อการปลูกจิตส านึกของคนไทยให้มีความรักชาติ อีกทั้งการบังคับใช้กฎหมายใน
สังคมไทยก็ยังไม่ได้ผล แต่ระบบก าลังส ารองของกองทัพเรือยังคงใช้รูปแบบการใช้กฎหมายบังคับ จึงยังคง
ประสบปัญหาต่าง ๆ เนื่องจากก าลังพลส ารองไม่เต็มใจที่จะเข้าสู่ระบบก าลังส ารองของกองทัพ ดังนั้น หาก
ต้องการพัฒนาระบบก าลังพลส ารองของกองทัพเรือเพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศ ให้มีความเหมาะสม
และเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรจะใช้การเรียกพลในรูปแบบอาสาสมัคร โดยปรับปรุงในด้านสิทธิก าลังพล ให้
ก าลังพลอาสาสมัครได้รับผลตอบแทนมากกว่าในรูปแบบกฎหมายบังคับ และต้องมีการใช้การประชาสัมพันธ์
โดยสื่อต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ก าลังพลส ารองอาสาสมัครมีความเข้าถึงหน้าที่และปลูกจิตส านึกในความ
รักชาติ มีการจัดท าโครงการระยะยาวโดยร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทาง
ทะเลให้มากขึ้น และสามารถรองรับก าลังพลส ารองอาสาสมัครเข้าเป็นบุคคลากรขององค์กรดังกล่าว
abstract:
Abstract
Title Development of reserve force managements to support Country
Defense of Royal Thai Navy.
Field Military
Name Rear Admiral Vuttiphat Bhumisawasdi Course NDC class 59
The objective of this research is to analyze the Royal Thai Navy’s reserve
force management system including its problem, obstacles and conflicts. This
research also study the concept, theory, principle of reserve force in other countries
in order to present the possible concept to develop Royal Thai Navy’s reserve force
management system in the future to solve the problem of shortage and avoidance of
personnel to join reserve forces. The current problem of RTN is that it is at risk to be
able to call their reserve forces to be on duty both in normal condition and when
facing the new type of terrorism with in 72 hours. to follow the Defense Plan is the
regulate period with all military units should have their reserve forces to be in their
related unit after issuing notice. The researcher also study the reserve force
management System which RTN. are applying in the present which is in the form of
legislation and analyze its problem and study the trend of required numbers of
reserves forces in the future and compare RTN’s reserve force to other countries
‘system with is renowned in their effectiveness and successful can be classified in 2
forms : voluntary form and legal form. Each country will use the form which is
appropriate to their own country be considering factors of terrorism and number of
their reserve forces. The countries which have effectiveness and successful reserve
forces management system always select the form which is compatible to the above
factors. Countries likes Israel and Singapore which use the legal form and prove to be
success because these countries have few population but face with terrorism and
need a number of reserve forces. The principle of this legal form is cultivating the
awarenessof nationalism among their people to strongly feel that they want to be in
their country’s reserve forces. Thailand, on the contrary, in the current situation and
trend, there is no sign of military invasion from outside, so it is nothing to bring up the
nationalism among the people and make the current legal form is not effective.
However, due to the RTN’s reserve force management system is still in legal form, so
there are still problem of unwillingness to be in the reserve forces. If RTN need to
develop their management system of their reserve force to support the National
Defense Plan and make it more appropriate and effective, it is better to change to2
the voluntary system with enhance the rights and income of the people who
voluntary join the reserve forces more them using the law to force them to join the
reserve forces. RTN should use mass media to advertise or promote the message to
all who want to join the voluntary reserve forces to understand their duty and
cultivating the feeling of nationalism. RTN should have a long term plan by more
cooperating with private sectors which related to marine territory defense in order to
support RTN. By getting these voluntary reserves forces to work in their organization.