เรื่อง: การฝึกนักศึกษาวิชาทหารเพื่อให้สามารถสนับสนุนภารกิจของกองทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
มิติการทหาร/Military
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, พันเอก ยุทธนา เอี่ยมวิจิตร์
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2559
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
สาธารณะ
|
|
บทคัดย่อ:
ก
บทคัดย่อ
เรื่อง การฝึกนักศึกษาวิชาทหารเพื่อให้สามารถสนับสนุนภารกิจของกองทัพ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพนักศึกษาวิชาทหาร กรณีศึกษากองทัพภาคที่ 2
ลักษณะวิชา การทหาร
ผู้วิจัย พันเอก ยุทธนา เอี่ยมวิจิตร์ หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 59
จากการศึกษา “การฝึกนักศึกษาวิชาทหารเพื่อให้สามารถสนับสนุนภารกิจของกองทัพ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรณีศึกษากองทัพภาคที่ 2” ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์
การด าเนินการและผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร และศึกษาแนวทางในการ
พัฒนาหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารให้สามารถสนับสนุนภารกิจของกองทัพได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ซึ่งประชากรและกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1
ถึงปีที่ 5 ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ชั้นปีที่ 1 จ านวน 25 คน ชั้นปีที่ 2 จ านวน 25 คน ชั้นปีที่ 3
จ านวน 25 คน ชั้นปีที่ จ านวน 25 คน ชั้นปีที่ 5 จ านวน 100 คน ตอบแบบสอบถามรวมทั้งสิ้น
จ านวน 200 คน แล้วน าข้อมูลที่ได้มาประมวลผล และวิเคราะห์โดยใช้สถิติได้แก่ ร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่า ด้านความรู้ความเข้าใจในหลักสูตรแต่ละชั้นปี พบว่า ด้านมีความรู้
ความเข้าใจในหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปี โดยภาพรวมมีความรู้ความเข้าใจในหลักสูตร
ของแต่ละชั้นปีระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 100 ด้านความรู้ ความเข้าใจภารกิจของกองทัพ
พบว่า มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจของกองทัพ โดยภาพรวมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ภารกิจของกองทัพระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 51.00 ด้านความสามารถในการน าความรู้
ความเข้าใจจากการฝึกตามหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารสนับสนุนป้องกันประเทศได้ พบว่า
ด้านความสามารถในการน าความรู้ ความเข้าใจจากการฝึกตามหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร
สนับสนุนป้องกันประเทศได้ โดยภาพรวมการสนับสนุนป้องกันประเทศได้ระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ
51.00 ความสามารถในการน าความรู้ ความเข้าใจจากการฝึกตามหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชา
ทหารสนับสนุนรักษาความมั่นคงภายในได้ พบว่า สนับสนุนรักษาความมั่งคงภายในได้ โดยภาพรวม
ระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ 50.00 ความสามารถในการน าความรู้ ความเข้าใจจากการฝึกตาม
หลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารสนับสนุนรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศได้ พบว่า
สามารถสนับสนุนรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศได้ โดนภาพรวมสามารถสนับสนุนรักษา
ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศได้ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 51.00 ความสามารถในการ
น าความรู้ ความเข้าใจจากการฝึกตามหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารสนับสนุนการพัฒนา
ประเทศได้ พบว่า สามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้โดยภาพรวมระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ
39.00 ความสามารถในการน าความรู้ ความเข้าใจจากการฝึกตามหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชา
ทหารสนับสนุนภารกิจอื่นที่ไม่ใช่สงคราม เช่นการป้องกันภัยคุกตามรูปแบบใหม่ได้ พบว่า
ความสามารถในการน าความรู้ ความเข้าใจจากการฝึกตามหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร
สนับสนุนภารกิจอื่นที่ไม่ใช่สงคราม เช่นการป้องกันภัยคุกตามรูปแบบใหม่ได้ โดยภาพรวมระดับน้อย
คิดเป็นร้อยละ 3.00 การฝึกตามหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารสามารถสนับสนุนภารกิจของกองทัพข
ได้อย่างรวดเร็ว พบว่า ฝึกตามหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารสามารถสนับสนุนภารกิจของกองทัพได้
อย่างรวดเร็ว โดยภาพรวมระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 51.00 การฝึกตามหลักสูตรนักศึกษา
วิชาทหารสามารถสนับสนุนภารกิจกองทัพได้ทันเวลาตามที่กองทัพต้องการ พบว่า การฝึกตาม
หลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารสามารถสนับสนุนภารกิจกองทัพได้ทันเวลาตามที่กองทัพต้องการ โดย
ภาพรวมระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ 51.00 การฝึกตามหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารสามารถสนับสนุน
ภารกิจกองทัพได้อย่างคุ้มค่า พบว่า การฝึกตามหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารสามารถสนับสนุน
ภารกิจกองทัพได้อย่างคุ้มค่า โดยภาพรวมระดับน้อยและปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 28
สรุปได้ว่า นักศึกษาวิชาทหารแต่ละชั้นปีและเพศหญิงเพศชายมีความรู้ความเข้าใจ
หลักสูตรในชั้นปีมากที่สุด แต่ความสามารถน าความรู้ ความเข้าใจสนับสนุนภารกิจของกองทัพได้
ปานกลางถึงน้อย น่าจะเกิดจากหลักสูตรที่ใช้ฝึกสอนยังไม่เหมาะสม สาเหตุหนึ่งมาจากการฝึกขั้น
พื้นฐานยังไม่แน่นพอ ไม่เกิดทักษะในการปฏิบัติ หลักสูตรการฝึกไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคาม
รูปแบบใหม่ เนื้อหาบางส่วนมากเกินไปท าให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อการฝึก
ซึ่งควรต้องปรับปรุงหลักสูตรการฝึกให้สอดคล้องกับความจ าเป็นในการใช้งานในฐานะ
ทหารกองหนุนของประเทศ ที่สามารถสนับสนุนภารกิจของกองทัพได้ทั้งในยามปกติและยามสงคราม
เพิ่มเติมหลักสูตรการฝึกในด้านการพัฒนาสังคมจิตวิทยาที่มีการปฏิบัติและมีส่วนร่วมของนักศึกษา
วิชาทหารต่อชุนชนที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงและมิติความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ
กับฝ่ายพลเรือน รวมทั้งเนื้อหาที่ปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติให้มากกว่าเดิม ปรับปรุงหลักสูตรให้มี
ความรู้ความเข้าใจในเรื่องภัยคุกความรูปแบบใหม่ เพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพได้ทั้งในปัจจุบัน
และในอนาคตได้อย่างรู้เท่าทัน รวดเร็วและทันเวลา และสร้างองค์กรหรือเครือข่ายทหารกองหนุน
จากนักศึกษาวิชาทหาร ในพื้นที่ที่มณฑลทหารบกรับผิดชอบ เพื่อเป็นเครือข่ายในการประสานงาน
ระหว่างองค์กรกับกองทัพ และเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของทหารกองหนุนจากนักศึกษาวิชาทหาร
เพื่อให้สนับสนุนภารกิจของทัพได้อย่างเป็นรูปแบบและยั่งยืน
abstract:
Abstract
Title To train Thai reserve officer training corps student in order to efficiently support
missions of Royal Thai Army
Field Military
Name Col. Yuttana Eiamwijit Course NDC Class 59
The objectives of the study of “To train Thai reserve officer training corps student
in order to support missions of Royal Thai Amy efficiently: in case of 2nd Army Area” were
1. to investigate the operation and the achievement of reserve officer training corps student course
and 2. to study the ways to improve reserve officer training corps student course in order to
efficiently support missions of Royal Thai Army. The subject were 200 reserve officer training
corps students from the 1st to the 5th class in 2nd Army Area including 25 students in the 1st class,
25 students in the 2
nd class, 25 students in the 3rd class, 25 students in the 4
th class, and 100
students in the 5
th class. The data were statistically analyzed with percentage.
The findings showed that the comprehension in the course of each class as a whole
was at the highest with 100 percent; understanding in missions of Royal Thai Army as a whole
was moderate with 51 percent; bringing knowledge from training for reserve officer training
corps student course to support and defense the country as a whole was low with 51 percent;
applying knowledge from training for reserve officer training corps student course to support and
maintain the internal security in the country as a whole was low with 50 percent; using knowledge
from training for reserve officer training corps student course to maintain peace and order in the
country as a whole was moderate with 51 percent; making benefit from knowledge from training
for reserve officer training corps student course to support developing country as a whole was low
with 39 percent; bringing knowledge from training for reserve officer training corps student
course to support missions of the country excluding war including new threat-prevention as a
whole was low with 43 percent; training along reserve officer training corps student course to
support missions of Royal Thai Army promptly as a whole was moderate with 51 percent;
training along reserve officer training corps students course to support missions of Royal Thai 2
Army in time as needed as a whole was low with 51 percent; training worthily along reserve
officer training corps student course as a whole was low and moderate with 28 percent.
It could be summarized that each of reserve officer training corps students in each
class both male and female had comprehension in the course at the highest level; however, the
ability to make benefit from knowledge of the course to support missions of Royal Thai Army
was still low. This might be caused by the inappropriate course, scanty basic training, not enough
good action skill, no new threat-prevention course, or too much content of the course.
As a result, the course should have to be improved to be accord with the
requirement as a reserve officer who can be able to support missions of Royal Thai Army not
only during peace time but also amid wars. Besides, the study about psychology society
development which contains the practice and the participation of Thai reserve officer training
corps students towards the community solidly should be added to the training course, which helps
connect Royal Thai Army with civilians. The implantation of nationalist ideology as well as
instructing new form of threats should be taught to support missions of Royal Thai Army in the
present and in the future wisely, promptly, and in time. It is advisable to develop an organization
or a network center of reserve officers from Thai reserve officer training corps students under the
area of military circle to be the coordination center with the army and the learning center of
reserve officers from Thai reserve officer training corps students with sustainable and systematic
support to missions of the army.
