Girl in a jacket
สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
National Defence Studies Institute

เรื่อง: การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเตรียมทหาร โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning : 5 Es)

หมวดหมู่:
งานวิจัย
มิติ:
ไม่ระบุ/not specified
พื้นที่/ขอบเขต:
ภายในประเทศ/Domestic/Local
ผู้เขียน:
พันโทหญิง พันธ์ทิพย์ คำนวนสินธุ์
หน่วยงานเจ้าของ:
โรงเรียนเตรียมทหาร
ปีที่พิมพ์:
2566
จำนวนหน้า:
192
การเปิดเผยข้อมูล:
สาธารณะ

บทคัดย่อ:

การวิจัยเรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเตรียมทหาร โดยใช้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning: 5 ES)” มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยเพื่อ ๓) สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ประเด็นสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย รายวิชาประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๓๐๗) ที่มีประสิทธิภาพ และ ๒) เปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยระหว่างวิธีการจัดการเรียนรู้โดย ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้กับวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ กลุ่ม นักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ ๒ โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการ กองทัพไทย ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ที่สอนโดยอาจารย์ ๒ ท่านซึ่งมีวิธีการจัดการเรียนรู้ แตกต่างกัน ให้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ตามอาจารย์ที่สอนด้วยวิธีการ จัดการเรียนรู้แบบปกติ ๑ ท่าน มีจำนวนนักเรียนเตรียมทหาร ๑๓๒ นาย และอาจารย์ที่สอนด้วย วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ๓ ท่าน มีจำนวนนักเรียน เตรียมทหาร ๑๓๒ นาย รวมจำนวนนักเรียนเตรียมทหารทั้งสิ้น ๒๖๔ นาย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย รายวิชาประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๑๐๗) และ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (1) ผลการวิจัยพบว่า ๑. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย รายวิชา ประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๑๐๗) มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานกระบวนการต่อผลลัพธ์ (๘๐/๘๐) คือ ๘๕.๓๗๗/๐๐๒.๘๓ ๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ ๒ ที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สูงกว่าวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติในวิชาประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๓๐๗) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๓ คำสำคัญ : การวิจัยเรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเตรียมทหาร โดยใช้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning: 5 ES)” มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยเพื่อ ๓) สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ประเด็นสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย รายวิชาประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๓๐๗) ที่มีประสิทธิภาพ และ ๒) เปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยระหว่างวิธีการจัดการเรียนรู้โดย ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้กับวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ กลุ่ม นักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ ๒ โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการ กองทัพไทย ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ที่สอนโดยอาจารย์ ๒ ท่านซึ่งมีวิธีการจัดการเรียนรู้ แตกต่างกัน ให้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ตามอาจารย์ที่สอนด้วยวิธีการ จัดการเรียนรู้แบบปกติ ๑ ท่าน มีจำนวนนักเรียนเตรียมทหาร ๑๓๒ นาย และอาจารย์ที่สอนด้วย วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ๓ ท่าน มีจำนวนนักเรียน เตรียมทหาร ๑๓๒ นาย รวมจำนวนนักเรียนเตรียมทหารทั้งสิ้น ๒๖๔ นาย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย รายวิชาประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๑๐๗) และ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (1) ผลการวิจัยพบว่า ๑. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย รายวิชา ประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๑๐๗) มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานกระบวนการต่อผลลัพธ์ (๘๐/๘๐) คือ ๘๕.๓๗๗/๐๐๒.๘๓ ๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ ๒ ที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สูงกว่าวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติในวิชาประวัติศาสตร์ ๒ (๕ ๓๓๓๐๗) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๓ คำสำคัญ : ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, นักเรียนเตรียมทหาร, ชุดกิจกรรมการเรียนรู้, การจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้

abstract:

The purpose of the research "The Learning Achievement Development of the Pre-Cadet by Using the Learning Activitics Packayć along with Inquiry-Based Learning Strategies." Research Methodology: This study aimed to 1) create a learning activities packaye on important issues in Thai history, in the History II (SO 33107) that is effective and 2) compare Ieaming achievements on important issues in Thai history, in the History II (SO 33107) by learning activities Package with normal Learning arrangements. The participants were the 2nd year students from the Armed Forces Academics Preparatory School, National Defense Studies Institute (NDSI), Royal Thai Armed Forces Headquarters, studying in Semester 2/2020. Taught by 2 teachers who have different learning methods. Obtained by purposive sampling according to 1 teacher who teaches using the normal learning management method. There are 132 participants. And 1 teacher who teaches using a Icarning management method using a learning activitics Package. There are 132 participants, for a total of 264 participants. The data was collected from the learning activities package on important issues in Thai history, in the History II (SO 33107), and the test conducted by the researcher. Sets of statistics, including mean, percentage, standard deviation, and t-test, were used to analyze the data. The results showed that 1. The learning activity packayo set on important issues in Thai history, in the History II (SO 33107) has a higher performance than the standard (80/80), which is 85.77/92.83.