เรื่อง: การพัฒนารูปแบบการลงคะแนนเลือกตั้งโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์, (วปอ.9027)
|
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
มิติการเมือง/Politics
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, นายปรีชา เอื้ออนันตธนกุล, (วปอ.9027)
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2562
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
สาธารณะ
|
|
บทคัดย่อ:
ก
บทคัดย่อ
เรื่อง การพัฒนารูปแบบการลงคะแนนเลือกตั้งโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์
ลักษณะวิชา การเมือง
ผู้วิจัย นายปรีชา เอื้ออนันตธนกุล หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 62
ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 และถือ
ว่าประชาชนมีอำนาจในการบริหารประเทศ โดยผ่านการเลือกตั้งผู้แทนเข้ามาบริหารประเทศอันเป็น
ลักษณะของประชาธิปไตยแบบตัวแทน (Representative Democracy) ซึ่งการคัดเลือกตัวแทนของ
ประชาชนเข้ามาบริหารการปกครองในรูปแบบ “การเลือกตั้ง” ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปกครองใน
ระบอบประชาธิปไตย แต่ละประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยจะมีการออกแบบกติกาและ
รูปแบบการเลือกตั้งที่แตกต่างกันไป และจากสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัลหลายๆ
ประเทศได้ใช้รูปแบบการลงคะแนนเลือกตั้งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Smart matric) ประเทศไทย
ได้มีแนวคิดที่จะนำการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 โดย
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ร่วมมือกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัดสร้างเครื่อง
ลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ต้นแบบและพัฒนาเรื่อยมาจนปัจจุบันพัฒนาถึงรุ่นที่ 4 และนำไปทดลองใช้
ในการเลือกตั้งของสถาบันการศึกษา สหกรณ์ และหน่วยงานอื่นๆ จึงเป็นไปได้สูงที่ประเทศไทยอาจ
นำการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับการเลือกตั้งทั้งในระดับชาติและระดับ
ท้องถิ่น ผลการศึกษามีดังนี้
1. ปัญหาและอุปสรรคในกระบวนการบริหารจัดการเลือกตั้งปัจจุบัน (แบบใช้บัตร
เลือกตั้ง) พบว่า การลงคะแนนเลือกตั้งมีบัตรเสียจำนวนมาก รูปแบบบัตรเลือกตั้งมีขนาดเล็ก ข้อมูล
มาก ประชาชนกาบัตรผิดพลาด บัตรเลือกตั้งแต่ละเขตไม่เหมือนกัน ประชาชนเกิดความสับสน
กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจ่ายบัตรผิดประเภท การรวมคะแนนเลือกตั้งล่าช้า ใช้เวลานับคะแนน
นานการลงคะแนนเลือกตั้งโดยใช้บัตรเลือกตั้งไม่ได้รับการยอมรับในเรื่องความโปร่งใสในระยะยาว
อาจใช้งบประมาณค่อนข้างสูง การพิมพ์บัตรเลือกตั้งแต่ละครั้งนอกจากสิ้นเปลืองงบประมาณแล้วยัง
เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม การวินิจฉัยบัตรดี-บัตรเสียทำให้เสียเวลา
2. การพัฒนารูปแบบการลงคะแนนเลือกตั้งโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์
การเลือกตั้งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นระบบการเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
การเลือกตั้งแบบใช้บัตรเลือกตั้ง กล่าวคือ ไม่มีบัตรเสีย ประหยัดงบประมาณในระยะยาว มีความ
คุ้มค่ามากกว่า ยลดปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อม ประหยัดเวลา สะดวกรวดเร็วทราบผลคะแนน
เลือกตั้งทันทีหลังปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสะดวกและง่ายในการ
ลงคะแนนเลือกตั้งมีกระบวนการตรวจสอบคะแนน สามารถตรวจสอบความถูกต้องระหว่าง จำนวน
คนที่มาลงคะแนนกับจำนวนคะแนนเสียงที่ได้จากการประมวลผลคะแนนภายหลังปิดการลงคะแนนมี
ระบบช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการทางสายตา การลงคะแนนเลือกตั้งในรูปแบบ Overseas
จะช่วยเพิ่มจำนวนคนในการลงคะแนนเสียงมากขึ้น เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพทั้งข
ในแง่ต้นทุนทางการเงินหรือต้นทุนทางทรัพยากร และมีประสิทธิภาพในแง่ต้นทุนทางด้านเวลา ทั้งมี
ประสิทธิผลในแง่ความมุ่งหมายของการจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็คือการได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร (ส.ส.) ซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยอย่างสุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม นอกจากนี้ยังเอื้อ
ต่อการใช้สิทธิของผู้พิการโดยเฉพาะผู้พิการทางสายตา กล่าวคือ เครื่องลงคะแนนฮอิเล็กทรอนิกส์มี
ระบบอักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตาในกรณีที่ผู้พิการทางสายตาไม่รู้อักษรเบรลล์ รวมไปถึง
ประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้หนังสือ เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ก็จะมีระบบเสียงเพื่ออำนวยความสะดวก
ในการใช้สิทธิของผู้พิการทางสายตาที่ไม่รู้อักษรเบรลล์และประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้หนังสือดังกล่าว
ข้อเสนอแนะจากการศึกษา 1) รัฐบาลจึงควรส่งเสริมและสนับสนุนให้นำการลงคะแนน
เลือกตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในประเทศไทย เนื่องจากประหยัดงบประมาณในระยะยาว
2) นอกจากจะมีกฎหมายรองรับให้สามารถดำเนินการลงคะแนนเลือกตั้งระบบอิเล็กทรอกนิกส์แล้ว
ควรมีการกำหนดระเบียบหรือหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติ คู่มือปฏิบัติการและการเตรียมความพร้อม
ด้านบุคลาการที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเกิดการยอมรับ 3) ควรนำวิธีการลงคะแนน
เลือกตั้งโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้โดยการนำร่องสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ
ผู้บริหารท้องถิ่น โดยเริ่มจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็ก ใช้วิธีการนำร่องเฉพาะบางพื้นใน
แต่ละภาคให้ครบทั้งสี่ภาค โดยออกประกาศกำหนดพื้นที่ที่ใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งได้
abstract:
Abstract
Title The Development of electronic voting models
Field Politics
Name Mr. Preecha Uaanantathanakul Course NDC Class 62
Thailand has changed the regulation from an absolute monarchy to the Democratic
form of Government with the King as Head of State since 1932. Thus, people have the right to
execute the country through the election of representatives to operate the country as the
Representative Democracy. Besides, the selection of Representative Democracy to administer the
government from "Election" is the key element of democratic government. Each democratic
country has different regulations and electoral patterns. According to technological and digital
advancement across the world, many countries have been conducting the “Smart matric
election”. Also, Thailand has executed an idea of implementing electronic voting since the year
2002 by the Election Commission in cooperation with the Aeronautical Radio of Thailand. Co., Ltd
to build a prototype of the electronic voting machine and continuously developing until the 4th
generation. Then, the team has used the electronic voting machine in educational institutions,
cooperation, and agencies. Therefore, there is a high possibility that Thailand could implement
an electronic voting machine for both national and local elections. The study results are as
follows:
1. Based on current election process problems and obstacles (Using ballot paper),
the researcher found that there were many voided ballots. Also, ballot papers were small with
extensive scale information; each ballot is not the same, which caused the publics’ confusion.
The Election committee allocated ballot papers wrong, delayed polling, and spending much time
finalizing the poll. Moreover, using illegal ballot papers caused unaccepted transparency and high
cost in the long term. Besides, there is a loss of budget on ballot papers printing each time not,
while destroys the environment. Diagnosing void and valid ballot papers is a waste of time.
2. According to the electronic election development, the electronic election
system is more effective than using ballot papers. In other words, there are no voided ballots,
save costs, worthy, reduce environmental problems, save time, convenience, and publics can
acknowledge voting result right away after the election finished. Legal voters are more
convenient and easier to vote elect. There is a voting process with checking accuracy of the
number of legal voters and the number of votes obtained from the election process.
Furthermore, there is a system to help facilitate the visually impaired after election process
finished. Besides, overseas voting will increase the number of legal voters. Importantly, Electronic
voting machines are effective in terms of financial costs and resource costs and the efficiency
towards time-consuming and organizing elections. Thus, the Member of the House of
Representatives (MPs) represents that Thai people are in good faith, transparency, and fairness. In
addition, the Electronic voting machine facilitates the exercise of disabled, especially disable
persons with visually impaired, since the electronic voting machine has a braille system for the ง
visually impaired if the visually impaired does not know Braille and people who are illiterate.
Besides, Electronic voting machines have audio systems to facilitate braille-blind and illiterate
people.
For the recommendation, 1) The government should promote and use encourage
electronic voting in Thailand due to budget savings in the long term. 2) Apart from having the
regulations to allow for electronic electoral voting, there should have established regulations or
guidelines manual and relevant personnel preparation to overcome confidence and acceptance.
3) The electronic voting machine should be adopted by piloting local councilors or local
administrators' elections, starting from local government organization using a specific navigation
method for four regions by issuing a notification specifying areas where the voting machines can
be used.
