เรื่อง: แนวทางการขับเคลื่อนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยอย่างเป็นรูปธรรม, (วปอ.8982)
|
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
มิติเศรษฐกิจ/Economics
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, พล.ท. ธนภัทร ณิยกูล, (วปอ.8982)
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2562
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
สาธารณะ
|
|
บทคัดย่อ:
ก
บทคัดย่อ
เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ลักษณะวิชา การเศรษฐกิจ
ผู้วิจัย พลโท ธนภัทร ณิยกูล หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ ๖๒
เนื่องจากสถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง การเมือง สังคมจิตวิทยา เทคโนโลยี และการ
แข่งขันทางเศรษฐกิจ เพื่อชิงความได้เปรียบ และการขยายอิทธิพล ยังคงปรากฏการขับเคลื่อนทาง
ยุทธศาสตร์ของชาติ มหาอ านาจ และความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ของโลกอยู่อย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนด้วย ดังนั้น ความพร้อมรบ
และอ านาจก าลังรบเปรียบเทียบระหว่างกองทัพ จึงมีความส าคัญในเชิงยุทธศาสตร์เชิงรับของประเทศ
การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้จึงมีความเหมาะสม
และสอดคล้องกับบริบทดังกล่าว ซึ่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นปัจจัยส าคัญ ในการส่งเสริม
ความมั่นคง และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๖ ใน
สมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ก่อตั้งกรมโรงงานทหารขึ้นในส านักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
คือ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ และโรงงานแก้ว จวบจนปัจจุบันยังขาดการขับเคลื่อน และทิศทางการ
พัฒนาที่เป็นรูปธรรม ท าให้ไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มชั้นที่ ๓ หรือ Third Tier เป็นประเทศที่มี
ความสามารถผลิตได้เพียงบางส่วน และเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เพื่อการซ่อมบ ารุง และผลิตอาวุธ
ได้บางประเภทเท่านั้น
ในอดีตที่ผ่านมา กองทัพไทย จึงต้องพึ่งพาการจัดหาจากต่างประเทศด้วยงบประมาณจ านวน
มาก และไม่สามารถส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองและสร้าง
รายได้ให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ปัจจุบันรัฐบาลได้ก าหนดกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงและการ
สร้างความสามารถในการแข่งขัน และมีแผนงานในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ
บนพื้นฐานความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัย โดยมุ่งให้เกิดการลงทุนเพื่อ
สร้างอนาคตทางเศรษฐกิจ ซึ่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้ถูกก าหนดให้เป็นอุตสาหกรรม
กลุ่มเป้าหมาย หรือ S- Curve ล าดับที่ ๑๑ จึงเป็นโอกาสที่ส าคัญให้เกิดการปฏิรูปอุตสาหกรรม
ป้องกันประเทศของไทย บนหลักการพึ่งพาตนเอง เร่งรัดการส่งเสริม และต่อยอดการวิจัย พัฒนา
แสวงหาความร่วมมือการท างานกับทุกภาคส่วน มุ่งสู่การผลิตใช้ในราชการ การสร้างมาตรฐานทาง
ทหาร ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดความร่วมมือกับต่างประเทศ ในการ
ลงทุน และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ สามารถแบ่งปันในระดับสากล สร้าง
มูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต จึงเป็นจุดสนใจที่ท าให้ผู้วิจัยมีความต้องการ
ทราบถึงแนวทางการขับเคลื่อนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยอย่างเป็นรูปธรรมข
ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในอนาคต ว่าเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน ประเทศไทยจะสามารถด ารง
ขีดความสามารถในการป้องกันประเทศได้ด้วยตนเอง
abstract:
Abstract
Title Venues to Practically Steer Forward the Defence Industry
Activities of the Kingdom of Thailand
Field Economics
Name Lieutenant General Thanaphat Niyakul
Course NDC Class 62
The global state of affairs which includes: security, politics, social
psychology, technological innovation, and economic competition for advancement
and influence, still maintains its stance as a driving mechanism for the national
strategy. Major leading power nations and continuous regional conflicts around the
globe have affected Thailand and the ASEAN region. Therefore, combat preparedness
and a comparison on strengths of the order of battle between armed forces, is vital
in terms of a defensive national strategy. A promotion of defence industry to
become a robust sector which can rely on itself is therefore, a necessity which can in
turn correspond to the role of the defence institution. The defence industry is an
important factor in fostering stability and economic growth. Its foundations were
dated back to 1953 when Field Marshal Plaek Phibunsongkhram established military
factories within the Office of the Permanent Secretary for Defence: the Battery
Production Factory and the Glass Factory. Up until present, the defence industry still
lacks a driving mechanism and direction for a practical improvement. This lack of
direction have positioned Thailand in the Third Tier of nations which can only
manufacture partial defence industrial products while being categorized into the
small industrial production group that can only perform minimal maintenance and
production.
In the past, the Royal Thai Armed Forces was required to depend on
international procurement with a significant budget allocation, while being unable to
promote a strong national defence industry that can rely on itself nor generating
revenues to the national economy.
At present, the Government have executed a 20 Year National Strategy
which focused on security and promotion of competitiveness as well as plans to
drive various industries on the grounds of scientific, technological and research ง
capabilities. There were also an emphasis on investment for building the future
economy. In this respect, the defence industry was designated as a targeted industry
under the 11th category of the S-curve. This is an important opportunity to
revolutionize the defence industry of Thailand on the basis of self-reliance, whilst a
rapid promotion in the field, an expansion on researches, development and
cooperation with other involved sectors. The aim is to manufacture defence
products to be used by the public sector, standardize military equipment, reduce
reliance on foreign products, while enhancing cooperation with the international
community in terms of investment and of technology transfer that shall lead to
production capability for commercial purposes. Commercial production to the
international market will generate added value to the economic system of the
nation in the future.
The mentioned subject provoked the attention of the researcher to
conduct a study on venues to steer forward defence industry activities of the
Kingdom of Thailand to become more practical and realized. This is to serve as a
security safety-net measure for the future that when an emergency situation would
to ever occur, Thailand will have the ability to protect itself with its own defence
capabilities.
