เรื่อง: การปรับโครงสร้างและแนวทางการเตรียมกำลังของหน่วยทหารม้าให้สอดส้องกับปัญหาความมั่นคงในสภาวการณ์ปัจจุบัน
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
มิติการทหาร/Military
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, พลตรี ทัตเทพ รอดจิตต์
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2556
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
สาธารณะ
|
|
บทคัดย่อ:
ก
บทคัดย่อ
เรื
อง การปรับโครงสร้ างและแนวทางการเตรียมกําลังของหน่วยทหารม้าให้
สอดคล้องกับปัญหาความมั
นคงในสภาวการณ์ปัจจุบัน
ลักษณะวิชา การทหาร
ผ้วิจัย พล.ต.ทัตเทพ รอดจิตต์ หลักส ู ูตร วปม. ร่นที
7 ุ
ปัจจุบัน หน่วยทหารมีความสําคัญในภารกิจการบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะหน่วย
ทหารม้า เนื#องจากเป็ นหน่วยที#มียุทโธปกรณ์บางประเภทมีความเหมาะสมในการใช้ในภารกิจการ
บรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนกาลังพลมีความชํานาญในการใช้ยานพาหนะที#จําเป็ นสําหรับภา ํ รกิจ
ดังกล่าว และเนื#องจากแนวโน้มการเกิดสาธารณภัยมีความถี# และความรุนแรงมากขึ/น จึงมีความ
จําเป็ นที#จะต้องเตรียมการในด้านการปรับโครงสร้างและแนวทางการเตรียมกาลังของหน ํ ่วยทหารม้า
ซึ# งในงานวิจัยครั/งนี/มีวัตถุประสงค์เพื#อวิเคราะห์ภารกิจการแก้ไขปัญหาความมันคงในอนาคตที# #
กองทัพบกจะต้องเผชิญโดยเฉพาะการใช้กาลังหน ํ ่วยทหารม้าสําหรับภารกิจการบรรเทาสาธารณภัย
และเพื#อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงโครงสร้าง และแนวทางการเตรียมกาลังของหน ํ ่วยทหารม้า
ของกองทัพบก ให้สอดคล้องกบภารก ั ิจที#ต้องเผชิญ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถ
ของหน่วยทหารม้า ให้สามารถปฏิบัติภารกิจที#ต้องเผชิญกบภัยคุกคามของประเทศในอนาคตให้มี ั
ประสิทธิภาพสูงสุด โดยผู้วิจัยได้กาหนดขอบเขตของการวิจัยนี ํ /เฉพาะการปรับปรุงโครงสร้าง และ
แนวทางการเตรียมกาลังของหน ํ ่วยทหารม้าในกองทัพบก สําหรับภารกิจการใช้กาลังในการบรรเทา ํ
สาธารณภัย ซึ# งผู้วิจัยได้มีประสบการณ์การทํางานในด้านดังกล่าวมากว่า 78 ปี โดยจะศึกษา และ
วิเคราะห์จากภารกิจที#ต้องปฏิบัติ โดยศึกษาจากนโยบายที#เกี#ยวข้องกบการใช้ก ั าลังทหารเข้าปฏิบัติ ํ
ภารกิจ และเปรียบเทียบแนวทางการแกไขปัญหาของกองทัพสหรัฐอเมริกา กองทัพเยอรมัน กองทัพจี ้ น
และกองทัพฟิ ลิปปิ นส์ โดยผลการวิจัยสรุ ปได้ว่ากองพันทหารม้าทุกประเภทควรมี 1 กองร้อย
บรรเทาสาธารณภัยพร้อมยุทโธปกรณ์อยู่ในอัตราการจัดและยุทโธปกรณ์ พร้อมจัดให้มีการฝึ ก
ความชํานาญให้กบหน ั ่วยดังกล่าว โดยมีข้อเสนอแนะให้ กองทัพบกนําผลการวิจัยที#ได้ไปศึกษาต่อ
เพื#อกาหนดให้เป็ นรู ปแบบที#ดียิ ํ #งขึ/น ตลอดจนหารื อกับหน่วยงาน และเหล่าทัพอื#นที#เกี#ยวข้อง
เพื#อความสมบูรณ์ยิ#งขึ/น และจะส่งผลให้การปฏิบัติงานสนับสนุนซึ#งกนและก ั นระหว ั างหน ่ ่วยงาน
เป็ นไปอยางมีประสิทธิภาพยิ ่ งขึ # /น
abstract:
ABSTRACT
Title Reorganization And The Training Of Cavalry Units According To National
Security At The Present Moment
Field Military
Name MAJ.GEN.Thathep Rodjit Course NDC (SPP) Class 7
The military is currently important in disaster relief missions, especially the
cavalry units because the unit has appropriate equipment that can be used. Also their
personnel come with expertise in use of vehicles required for such missions. In the future,
the army, particularly cavalry units, will still have vital role in disaster relief missions as
natural disasters tend to occur more frequently and more violently. Therefore, it is necessary
for the organization to be always well-trained and well- prepared.
The objectives of this study are to analyze the mission relating national security
problems. Another purpose of this study is to suggest the reorganization and training
guidelines for the preparation of the cavalry units in response to disaster relief missions.
The researchers, having been working in this field for more than 30 years, studied and
analyzed policies related to the use of military missions as well as case studies of how other
countries such as the United States Army, German forces, Chinese army and the Philippines
Army use their military in the disaster relief missions,
The results of the study indicated that all cavalry battalions should have one
cavalry troop with appropriate equipment. They should also be provided extra training to
gain expertise in disaster relief missions. The Royal Thai Army should implement the
findings of this study to make a better model. Moreover, they should discuss and exchange
their experiences with other armed forces and related state agencies so that they can
contribute and support each other more effectively.