Girl in a jacket
สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
National Defence Studies Institute

เรื่อง: แนวทางการพัฒนาระบบการตรวจคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการในประเทศไทย, (วปอ.8967)

หมวดหมู่:
งานวิจัย
มิติ:
มิติการทหาร/Military
พื้นที่/ขอบเขต:
ภายในประเทศ/Domestic/Local
ผู้เขียน:
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, พล.ต. ดิฐพงษ์ เจริญวงศ์, (วปอ.8967)
หน่วยงานเจ้าของ:
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
ปีที่พิมพ์:
2562
จำนวนหน้า:
การเปิดเผยข้อมูล:
สาธารณะ

บทคัดย่อ:

ก บทคัดย่อ เรื่อง แนวทางการพัฒนาระบบการตรวจคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหาร กองประจำการในประเทศไทย ลักษณะวิชา การทหาร ผู้วิจัย พลตรี ดิฐพงษ์ เจริญวงศ์ หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ ๖๒ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการศึกษาเกี่ยวกับความจำเป็นในการมีทหารประจำการ ในกองทัพตลอดจนศึกษาหาแนวทางการพัฒนาระบบการเกณฑ์ทหารและกระบวนการตรวจคัดเลือก ทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการในประเทศไทย โดยมีขอบเขตของการวิจัยคือทำการวิจัย ประชากรกลุ่มตัวอย่าง ๓ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ กลุ่มทหารกองเกิน กลุ่มผู้ปกครองของทหารกองเกิน และกลุ่มทหารกองประจำการ โดยทำการศึกษาในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีจังหวัดนครนายก และจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของมณฑลทหารบกที่ ๑๒ และศึกษาในห้วง ปีงบประมาณ ๖๓ เท่านั้น การศึกษาวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยทำการรวบรวมข้อมูล จากการทบทวนวรรณกรรม การใช้แบบสอบถาม และการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จากการวิจัยพบว่า ในปัจจุบันกองทัพยังมีความจำเป็นต้องมีการเกณฑ์ทหารอยู่ เนื่องจากภารกิจของกองทัพนั้นไม่ใช่แค่การป้องกันประเทศ หรือมีภารกิจทางทหารเท่านั้น กองทัพยังมีภารกิจอื่นนอกเหนือสงคราม เช่น การบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชน ขนาดของกองทัพในปัจจุบันมีความเหมาะสมกับภารกิจที่ได้รับ ซึ่งแต่ละปีมียอดทหารกองเกินร้องขอ เข้ารับราชการไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังนั้นจึงต้องมีการเกณฑ์ในส่วนที่เหลือ ทั้งนี้ ในการพัฒนาระบบการเกณฑ์ทหารและกระบวนการตรวจคัดเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขใน ๔ ประเด็นดังนี้ ๑. การขึ้นทะเบียนทหารกองเกินสามารถทำได้ในทุกอำเภอในประเทศไทยตลอดจน สถานที่ราชการไทยในต่างประเทศ ๒. ลดจำนวนเอกสารแบบพิมพ์ต่าง ๆ ๓. ปรับปรุงขั้นตอนการตรวจคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ๔. บันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ลดการจัดเก็บเอกสาร เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร จัดการข้อมูลในอนาคต ในการทำวิจัยครั้งต่อไปผู้วิจัยคิดว่าควรศึกษาพัฒนาระบบการเกณฑ์ทหาร ในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ซึ่งปรับเปลี่ยนวิธีการให้เป็นรูปแบบวิถีใหม่ เพื่อยังคงให้ได้มาซึ่งทหารกองประจำการที่มีคุณภาพตามความต้องการของกองทัพ กระบวนการ ตรวจคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด

abstract:

Abstract Title Guideline for development military service process in Thailand Field Military Name Major General Ditthaphong Chareonwong Course NDC Class 62 The purposesof this research could be seen as studying about the necessity of having enlisted soldiers in the armed force and guideline for development military service process. The boundary of this research could be seen as : studying 3 samples of population which are registered personnel group, registered personnel parents, and the privates. The research area is in 3 provinces which are Prachinburi, Nakhon Nayok and Chachoengsao. The research period is done within budget year 2020. This research is a qualitative research which concerned about collecting data by literature review, questionnaire survey and interviewing specialist. For the research, it is found that military service is still necessary because Thai armed forced needs many troops to carry on various missions. These missions concern about both military and non military operations. Each year, the number of people who apply to join the military is not achieve the demand of the armed forced. Therefore, the compulsory seems to be necessary. Concerning the guideline for development military process could be focused in 4 areas which are 1. Registered personnel should be taken place in any Thai official places all over the world 2. Reduce the number of official forms 3. Developing the process of military recruitment 4. Apply computer system and technology to record personal data Concerning further work, the researcher plans to study about the way to carry on military service process beyond Covid-19 situation. Therefore, Thai armed force would develop new normal process which provide the same outcome and being safe from this plague.