เรื่อง: คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนายทหารสัญญาบัตรที่มีต่อ การพัฒนาองค์กร : กรณีศึกษา กรมกำลังพลทหารกองบัญชาการทหารสูงสุด
|
|
หมวดหมู่:
|
งานวิจัย
|
มิติ:
|
ไม่ระบุ/not specified
|
พื้นที่/ขอบเขต:
|
ภายในประเทศ/Domestic/Local
|
ผู้เขียน:
|
วิทยาลัยเสนาธิการทหาร, พ.อ. จรูญ อำภา
|
หน่วยงานเจ้าของ:
|
วิทยาลัยเสนาธิการทหาร
|
ปีที่พิมพ์:
|
2548
|
จำนวนหน้า:
|
|
การเปิดเผยข้อมูล:
|
เปิดเผยเฉพาะบางส่วน (ไม่เปิดเผยเนื้อหา)
|
|
บทคัดย่อ:
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง : คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนายทหารสัญญาบัตรที่มีต่อการพัฒนาองค์กร
ศึกษากรณีกรมก าลังพลทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด
โดย : พันเอก จรูญ อ าภา
สาขาวิชา : การทหาร
อาจารย์ที่ปรึกษาเอกสารวิจัย : นาวาอากาศเอก
( )
มิถุนายน ๒๕๕๐
จากสภาวะโลกไร้พรมแดน สภาวะการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ดา้นความมนั่ คงที่มีการ
ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในสังคม ทุกภาคส่วนต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ รัฐบาลไทย ผู้น า
ของประเทศ ย่อมหลีกเลี่ยงมิไดท้ ี่จะตอ้งปรับตามสถานการณ์เหล่าน้นั คนนบั เป็นทรัพยากรสิ่งแรกที่
จะตอ้งปรับ เพราะคนคือผูกุ้มชะตาของบา้นเมือง ลิขิตทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไป หากสามารถกา หนดไดว้่า
คุณลักษณะใดที่จะเหมาะแก่คนในแต่ละประเภท ในแต่ละองค์กรได้ ก็จะสามารถก าหนดผลส าเร็จของ
องคก์รหรือหน่วยงานน้ันได้
ผู้วิจัย ได้วิจัยคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของนายทหารสัญญาบัตรของกรมก าลังพลทหาร ใน
อันที่จะเป็นเครื่องมือน าพาองค์กร คือกรมก าลังพลทหารไปสู่ความส าเร็จ หรือสัมฤทธิผลตามวัตถุประสงค์
ของหน่วยเหนือหรือผู้บังคับบัญชา ในลักษณะเชิงปริมาณ นา เอานโยบายของหน่วยเหนือ ต้งัแต่ระดบั ชาติ
ระดบักระทรวง เรื่อยลงมาถึงระดบั หน่วยของผูว้ิจยัเป็นกรอบหรือเป็นตวัต้งั ประมวลเขา้กบั หลกัการและ
ทฤษฎีประยุกตเ์ป็นแบบสอบถาม สอบถามความคิดเห็นของขา้ราชการช้นั สัญญาบตัรในหน่วย แลว้นา มา
วิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมส าเร็จรูปและใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ซึ่งผู้วิจัยมี
วัตถุประสงค์แห่งการวิจัยว่า เพื่อเป็นการศึกษาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนายทหารสัญญาบัตรที่มีต่อ
การพัฒนาองค์กร และเพื่อใช้เป็นแนวทางศึกษาและพัฒนาองค์กรให้เกิดประสิทธิผล
โดยต้งัสมมติฐานว่า นายทหารสัญญาบัตรที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จะสามารถพัฒนาองค์กรให้
ปฏิบตัิงานตามภารกิจไดอ้ย่างมีประสิทธิภาพ และผลการวิจยั พบว่าขา้ราชการช้นั สัญญาบตัรของกรมกา ลงัพลทหาร มีจ านวนถึง ๕๖ นายจากผู้ตอบแบบสอบถาม ๑๐๒ นายคิดเป็นร้อยละ ๕๔.๙ ที่มีความเห็น
หรือมีความต้องการต่อภาวะผู้น าการเปลี่ยนแปลงแบบมีการกระตุ้นทางปัญญา รองลงมาคือภาวะผู้น าการ
เปลี่ยนแปลงแบบสร้างแรงบันดาลใจ และที่มีความต้องการน้อยที่สุด จากทฤษฎีภาวะผู้น าการเปลี่ยนแปลง
คือภาวะผู้น าการเปลี่ยนแปลงแบบการค านึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล ซึ่งเมื่อน ามาพิจารณาในภาพรวมจะ
ไดว้่า ภาวะผูน้ า ที่จะนา มากา หนดเป็นคุณลกัษณะอนั พึงประสงคน์ ้นั จะประกอบไปดว้ย เป็นผูท้ ี่มี
วิสัยทัศน์กว้างไกล มีความรู้ความสามรถในหลายสาขา สามารถสื่อความหรือประชาสัมพันธ์ผลงานอัน
เปิ ดเผยหรือประชาสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี มีเชาว์ไหวพริบปฏิภาณ มีศิลปะแห่งการจูงใจ มีความเป็นผู้น า
สามารถเป็นตวัอย่างที่ดีท้งัในดา้นการทา งานและชีวิตส่วนตวั มีความโอบออ้มอารี มีความอดทน เห็น
ประโยชน์ส่วนตนน้อยกว่าประโยชน์ส่วนรวม และมีข้อเสนอแนะที่ควรค านึงถึงและสมควรได้รับการ
พิจารณาแก้ไขเป็นอย่างมาก ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่จริงของสังคม คือการดูแลเอาใจใส่
ผู้ร่วมงานของผู้บังคับบัญชาเป็นรายบุคคล เข้าใจและรับรู้ปัญหา ซึ่งจะเป็นการสร้างขวัญก าลังใจที่ดี เป็น
แรงกระตุน้ ให้มีความคิด จนนา ไปสู่การปฏิบตัิในอนั ที่ต้งัใจทา งาน รักองค์กร รักส่วนรวม สามารถท างาน
แทนกนัได้ เพราะทุกวนั น้ีสังคมจะอยู่แบบตวัใครตวัมนั มากข้ึน ขาดจิตส านึกในการมีส่วนร่วม เห็น
ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม แลว้ไปโทษไปกา หนดว่าเหตุที่ตนเองเป็นอย่างน้นั เพราะ
ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต ่า ท าให้ต้องค านึงถึงตนเอง ค านึงถึงปากท้องก่อน จนขาดจิตส านึกต่อส่วนรวมไป
อนั ที่จริง จติใจต่างหากที่เป็นตวักา หนด ฉะน้นัผูน้ า ที่ดีที่ควรจะเป็น ตอ้งแกจุ้ดน้ีเป็นจุดแรก ทา ตนเป็น
ตัวอย่างสร้างจิตส านึกที่ดีให้เป็นที่ประจักษ์ ก็จะเป็นคัมภีร์แห่งความส าเร็จ ให้ผู้ตามได้ประพฤติตามด้วย
ความรักและศรัทธาอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ
abstract:
ABSTRACT
Title: Commissioned Officer Qualifications Required for the Organizational
Development : CaseStudy of Directorate of Joint Personnel (J-1),
Supreme Command Headquarters
Researcher: Colonel Charoon Ampa
Major Field: Military
Research Advisor: Group Captain
( )
June 2007
Due to the globalization, changes of security situations, involving the fighting for
survival in the society, all sectors, even the Royal Thai Government or the leader, need to
adapt themselves to the changing situations. Humanresource is initially required for
adaptation because a person is viewed as a controller of the country destiny and all
happening situations. If we can define what qualifications are appropriate to each type of
persons in each organization, we can indicate the achievement of the organization or unit.
The researcher studied the qualifications required in the commissioned officers of
Directorate of Joint Personnel (J-1), which would be a tool to lead the J-1 to achieve the
objectives of upper command or superior. In view of qualitative qualifications, an upper
command’s policy drawn from national, ministry, to unit levels of J-1 was a main frame,
added with principle and theory, then applied to be a questionnaire, to ask the J-1
personnel’s opinions. The data was analyzed through the computer by using descriptive
statistics to acheive the research objective, aimed at studying commissioned officer qualifications required for the organization development and using as a guideline to study
and develop the organization to reach efficiency and effectiveness. The hypothesis was
stipulated that the the qualified commisioned officers were able to develop the
organization to effectively operate the functions. The research findings were concluded
that among the total 102 J-1 personnel answering the questionnaires, most of the
respondents, 56 out of them (54.9%), viewed or required the transformational leadership
as cognitive encouragement, the second majority viewed the transformational leadership
as inspiration, whereas the least requirement was the transformational leadership as
individual concern. In big picture, leadership required for the commissioned officer
qualifications consisted of visionary, multi-knowledge and abilities to well communicate
or present their works via public relations, intelligent and clever maners, art of motvation,
role model of leader both in working and personal life, care-taking, endurance, and less
concern on self-benefit but more cocern on public benefits. The recommendations, which
were really concerned and considered to solve, as well as agreed to the current situation in
the society, compried caring colleague of individual superior through perceiving and
understanding problems, which helped build good morale and will power to encourage
them to think and finally lead to work with positive intention and love given to the
organization and public, which they could work instead of one another if anyone was not
available. Recently, societies have more likely been standing alone and lacked of
participation-mined and emphosized on self-interest more than public interests by blaming
on economic downturn, which forces them to innitially concern of survival living, leading
to lack of public awareness, but actually, it depens on their minds as a determiner.
Therefore, good leaders should firstly solve this point of concern and be a role model of
building positive awreness to public, which will be a successful text for the follwers to
willlingly behave with love and faith.
